ในบ้านเรากลุ่มแฟนหนังของ STAR WARS ค่อนข้างเป็นกลุ่มคนดูหนังวัย 20+ เพราะช่วงเวลาที่ไตรภาคแรก (4-5-6) เข้าฉายนั้นคือช่วงปี 1977 ก่อนที่หนังจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและมีแฟนหนังอย่างเหนียวแน่น จนกระทั่งช่วงปลายยุค 90 Star Wars: Episode I – The Phantom Menace ก็กลายเป็นหนังเปิดไตรภาคแรกของสงครามแห่งดวงดาว เพื่อเล่าย้อนกลับไปยังต้นกำเนิดของเหล่าเจได และวายร้ายอย่างดาร์ธ เวเดอร์ (จนกลายเป็นไตรภาคปฐมบทของแฟรนไชส์นี้) เมื่อ Star Wars: Episode III – Revenge of the Sith (2005) เข้าฉายอันเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างปฐมไตรภาคกับไตรภาคชุดหลัง เป็นที่เรียบร้อย ทุกอย่างก็เหมือนจะจบลงอย่างงดงาม แต่เมื่อตัวละครในภาคที่ 6 ยังไม่ได้ล้มหายตายจากไปไหน นั่นหมายความว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะสานมหากาพย์ดังกล่าวให้มีลมหายใจต่อไป
ในปี 2015 Star Wars: Episode VII – The Force Awakens จึงกลายเป็นปฐมบทของไตรภาคชุดใหม่ เมื่อเรย์ (เดซี่ ริดลีย์) ได้ค้นพบพลังในตัวเอง ในขณะที่กองกำลังจักรวรรดิที่ล่มสลายไปเมื่อนานมาแล้วกำลังกลับมาภายใต้ชื่อ “ปฐมภาคี” นำโดยผู้นำสูงสุดสโนค เพื่อชำระแค้นกับกลุ่มกบฏหรือสาธารณรัฐใหม่
จาก The Force Awakens ส่งต่อเรื่องราวมายัง The Last Jedi หลังจากที่เรย์ ออกเดินทางตามหาลุค สกายวอล์คเกอร์ ว่าที่เจได คนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ เธอคาดหวังว่าเขาจะสามารถกอบกู้สันติภาพและฟื้นฟูนิกายเจไดให้กลับมา ขณะที่เหล่ากลุ่มกบฏกำลังต้องเผชิญหน้ากับการรุกรานของผู้นำสูงสุดสโนค ที่ต้องการกำจัดพวกเขาให้สิ้นซาก
กล่าวโดยสรุปคือ Star Wars: The Last Jedi เป็นหนังที่คงเสน่ห์ของตัวเองเอาไว้อย่างครบครัน และมันสร้างขึ้นมาเพื่อคนดูในทุกคนยุคทุกสมัยไม่ว่าคุณจะแฟนคลับของแฟรนไชส์นี้หรือไม่ก็ตาม